วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

นีโอไลฟ์คือธุรกิจเครือข่าย เขาทำงานกันอย่างไร

ธุรกิจเครือข่ายนีโอไลฟ์

เป็นงานเกี่ยวกับการหาสมาชิกเข้ามาร่วมทำธุรกิจเครือข่ายนีโอไลฟ์โดยการซื้อสินค้าครั้งแรกเพื่อทำคะแนนให้ได้ตามที่บริษ้ทนีโอไลฟ์กำหนดมา
กล่าวคือ ต้องซื้อสินค้าในราคาโปรโมชั่น 3500 บาท ท่านจะได้สินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจำนวน 4 ขวด หรือ ท่านสามารถซื้อ สะสมทีละชิ้นเพื่อให้ครบ 20 คะแนนก็ได้ โดยดูคะแนนของสินค้าที่อยู่ใน website ของ บริษัทนีโอไลฟ์อินเตอร์จำกัด ได้ที่ http://www.neolifeinter.com/th_product_pricelist.php แต่ในการซื้อครั้งเดียวพร้อมสมัคร จะต่างกับซื้อสะสมทีละชิ้นคือ ในการซื้อสะสมท่านจะใช้เงินประมาณ 4500 บาท ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ของท่าน เนื่องจาก บริษัทนีโอไลฟ์อินเตอร์จำกัด มีนโยบายอยู่ข้อหนึ่งคือ ไม่ต้องรักษายอด คือ ท่านจะซื้อผลิตภัณฑ์นีโอไลฟ์ให้ครบตามคะแนนที่กำหนดเมื่อไรก็ได้ บริษัทนีโอไลฟ์อินเตอร์จำกัด ไม่ได้บังคับ และจะไม่ปลดท่านออกจากการเป็นสมาชิกเด็ดขาด ซึ่งต่างกับบริษัทขายตรงอื่นๆต้องรักษายอดต่อเดือนทำให้ทุนหาย กำไรหด
แผนการตลาดของ บริษัทนีโอไลฟ์อินเตอร์จำกัด

เป็นแบบไบนารี่ คือ ตัวท่านจะอยู่ด้านบน ท่านขยายสายงาน 2สาย คือ ซ้าย 1 สาย, ขวา 1 สาย ติดตัวท่านได้แค่ 2 คน(เท่ากับ 1 ศูนย์ธุรกิจ) และท่านก็แนะนำ สายงานของท่าน ให้ขยายสายงานเหมือนกับท่าน คือ 1 แตกสองศูนย์ธุรกิจ ท่านก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ
การจ่ายผลตอบแทนของ บริษัทนีโอไลฟ์อินเตอร์จำกัด

บริษัทนีโอไลฟ์อินเตอร์จำกัด จะมีการจ่ายผลตอบแทนให้ท่านโดยการจับคู่ซ้ายขวาที่มีคะแนนเท่ากัน
ลำดับแรก คือท่านขยายสายงาน ซ้าย ขวา แล้วได้คะแนนมาฝั่งละ 60 คะแนน นีโอไลฟ์ก็จะจ่ายผลตอบแทนให้ 2,100 บาท
ลำดับที่สอง คือท่านขยายสายงาน ซ้าย ขวา แล้วได้คะแนนมาฝั่งละ 100 คะแนน นีโอไลฟ์จะจ่ายให้ 3,500 บาท (นับคะแนนต่อจากลำดับที่ 1 เลย คือนับจากคะแนนที่ 61 ถึง 160 )
ลำดับที่สาม คือท่านขยายสายงาน ซ้าย ขวา แล้วได้คะแนนมาฝั่งละ 160 คะแนน นีโอไลฟ์จะจ่ายให้ 5,600 บาท (นับคะแนนต่อจากลำดับที่ 2 เลย คือนับต่อจาก คะแนนที่ 161 ถึง 320 )
รวมคะแนนทั้ง 3 ลำดับ จะได้ฝั่งละ 320 คะแนน รวมผลตอบแทนที่ บริษัทนีโอไลฟ์อินเตอร์จำกัด ต้องจ่ายให้เป็นเงิน 11,200 บาท เมื่อทำครบทั้ง 3 ลำดับแล้วก็กลับมาทำ ลำดับหนึ่งใหม่ครับ โดยคะแนนที่เกินจาก 320 คะแนน จะถูกตัดทิ้งไป เริ่มนับ หนึ่งคะแนนใหม่ครับ
แผนธุรกิจของ บริษัทนีโอไลฟ์อินเตอร์จำกัด
หนึ่งคน สามารถสมัครทำธุรกิจเครือข่ายนีโอไลฟ์ได้สูงสุด 7 ศูนย์ธุรกิจ ( 1 ศูนย์ธุรกิจ เท่ากับ 20 คะแนน )
เปิด 1 ศูนย์ธุรกิจต้องซื้อผลิตภัณฑ์นีโอไลฟ์ในราคาโปรโมชั่น 3500 บาท แต่ถ้าแยกซื้อที่ละชิ้น/ขวด เพื่อให้ได้ครบ 20 คะแนน ต้องจ่ายค่าผลิตภัณฑ์ 4500 บาท แล้วแต่ราคาข้างผลิตภัณฑ์ซึ่งราคาไม่เท่ากัน
เปิด 3 ศูนย์ธุรกิจต้องซื้อผลิตภัณฑ์นีโอไลฟ์ในราคาโปรโมชั่น 10,500 บาท ท่านจะได้คะแนนสะสม 60 คะแนน
เปิด 7 ศูนย์ธุรกิจต้องซื้อผลิตภัณฑ์นีโอไลฟ์ในราคาโปรโมชั่น 24,500 บาท ท่านจะได้คะแนนสะสม 140 คะแนน
ตอนแรกจะสมัครไม่ครบ 7 ศูนย์ธุรกิจก็ได้ แล้วค่อยสมัครเพิ่มเติมภายหลังให้ครบ 7 ศูนย์ธุรกิจ แต่ จะต้องสมัครต่อจาก ซ้าย ขวา ของเราที่สมัครในตอนแรก ทำให้ต้องทำงานหนักมากกว่าที่สมัครตอนแรก 7 ศูนย์ธุรกิจเลยที่เดียว
บริษัทนีโอไลฟ์อินเตอร์จำกัดไม่มีการรักษายอดต่อเดือน สมัครแล้วทำธุรกิจได้ตลอดชีวิต สามารถเป็นมรดกถึงลูกหลานได้ถึงแม้เรายังไม่เสียชีวิต





สนใจเข้าร่วมทำธุรกิจกรอกข้อมูลของท่าน เพื่อที่เราจะได้ติดต่อกลับ
NEOLIFE14

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

ทำไมจึงเลือกทำธุรกิจเครือข่ายนีโอไลฟ์

ธุรกิจเครือข่ายนีโอไลฟ์มีดีอะไรบ้าง
1.ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ได้มีอิสรภาพ เป็นนายตนเอง
2. บริษัทมั่นคง ลงทุนต่ำ สะสมยอดได้ไม่มีความเสี่ยง
3. สินค้าดีมีประโยชน์ มีคุณภาพ มีมาตรฐาน
4. ไม่ต้องเก่งสาธิตสินค้า มีระบบช่วยขาย
5. ขยายธุรกิจแบบทวีคูณ มีรายได้สูงมีความยุติธรรม
6. มีตำแหน่งทางธุรกิจ มีความภาคภูมิใจ มีเกียรติยศชื่อเสียง
7. เป็นมรดกตกทอดสู่ลูกหลาน
ฝันที่เป็นจริงกับนีโอไลฟ์

วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

ข่าวนีโอไลฟ์เปิดสาขาที่ประเทศลาว รุกคืบบุกเบิกเปิดตลาดอินโดจีน

การขยายตลาดก็นับว่าเป็นเรื่องที่บริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแค่การขยายตลาดในประเทศเท่านั้น แต่นีโอไลฟ์ยังได้มีการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ อาทิประเทศลาว ซึ่งได้มีการขยายตลาดออกไปอย่างเต็มตัว โดยมีการขอ อย. จากทางการ ประเทศลาวเป็นที่เรียบร้อย ในการส่งสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อ เข้าไปขายในประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วง เดือนมีนาคม จะสามารถเปิดดำเนินธุรกิจในลาวได้อย่างเต็มรูปแบบ ในช่วงกลางปีนี้ นีโอไลฟ์ก็เตรียม ทำการขยายไปที่สุวรรณเขต บ่อแก้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในประเทศลาว จากการขยายตลาดในประเทศลาว บริษัทยังต้องการใช้ลาวเป็นฐานในการขยายออกไปในประเทศเวียดนาม รวมถึงกัมพูชาก็เป็นประเทศที่บริษัทยังต้องการขยายออกไป ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดอบรมให้เหล่าสมาชิกนักขายของกัมพูชาอยู่แล้ว ในเขตอรัญประเทศ
โดยทั้ง 3 ประเทศที่กล่าวมานี้ เป็น 3 ประเทศที่บริษัทต้องการสร้างตลาดเป็นหลักในปีนี้ก่อน ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมองไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน แต่ด้วยความเจริญเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นปัญหาเพราะมาเลเซียไม่ค่อยจะต้องการให้ธุรกิจในไทยเข้าไปทำตลาดมากนัก เพราะอาจจะเป็นด้วยเรื่องของศาสนา รวมถึงเรื่องอื่นๆ จึงทำให้บริษัทขยายตลาดเข้าไปในประเทศนี้ค่อนข้างยาก
ขอขอบคุณแหล่งข่าว
ธุรกิจขายตรง > lead   (สยามธุรกิจ)
  [ ฉบับที่ 1076 ประจำวันที่ 20-2-2010  ถึง 23-2-2010 ]